หาสาเหตุ ! กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไร รักษายังไงดี

หาสาเหตุ ! กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไร รักษายังไงดี

หนึ่งในปัญหาที่ไม่อยากให้ทุกคนมองข้ามเลยนั่นก็คืออาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่  เป็นอาการที่มีปัสสาวะเล็ดออกมาโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นในขณะที่เราไอหรือจาม หลายคนอาจจะมองว่ามันไม่ใช่เรื่องที่รุนแรงอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้วภาวะนี้ควรได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง เพราะมันบ่งบอกถึงสุขภาพภายในร่างกายที่ไม่ปกติ และยังมีระดับความรุนแรงที่แสดงอาการแตกต่างกันออกไปด้วย บทความนี้ก็เลยจะพามารู้จักกับโรคหรือภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ว่ามันเกิดจากอะไร มีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน ควรมีวิธีการรับมือและรักษามันอย่างไร

มารู้จักโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เป็นยังไง 

ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เป็นภาวะที่มีปัสสาวะเล็ดออกมาจากกระเพาะปัสสาวะโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ ไม่สามารถควบคุมได้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยแต่จะพบบ่อยในผู้สูงอายุ และส่วนใหญ่มักจะมีอาการเกิดขึ้นเมื่อเราหัวเราะ ไอ จาม ซึ่งอาการนี้มันจะแบ่งออกไปหลายลำดับความรุนแรง ดังนี้

  • ปัสสาวะเล็ด (Stress Incontinence) – อาการนี้จะเป็นอาการระดับเริ่มต้นของผู้ที่มีภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ซึ่งเกิดจากการมีแรงดันเพิ่มขึ้นที่บริเวณกระเพาะปัสสาวะ เช่น เวลาหัวเราะ ไอ จามหรือทำกิจกรรมต่างๆที่ต้องออกแรง
  • ปัสสาวะเล็ดในทันทีเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะ (Urgency incontinence) – เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกปวดปัสสาวะฉับพลันและมีอาการปัสสาวะราดก่อนถึงห้องน้ำ ไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้
  • ปัสสาวะเล็ดและราด (Mixed incontinence) – คือภาวะที่มีอาการปัสสาวะเล็ดและราดพร้อมกัน หลังจากปวดปัสสาวะแบบเฉียบพลันและหลังจากมีการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง เป็นภาวะที่พบได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
  • ปัสสาวะล้น (Overflow Incontinence) – เป็นอาการที่ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้เนื่องจากมีน้ำปัสสาวะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะในปริมาณมาก มากเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีระบบประสาทที่ไม่สามารถควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้จากอุบัติเหตุ เนื้องอก โรคเบาหวาน

อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไร 

ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น อายุ โรคประจำตัว หรือการใช้ชีวิตประจำวันที่ส่งผลกระทบต่อทางเดินปัสสาวะ สามารถแบ่งสาเหตุออกได้ดังนี้

  • อายุ - พออายุมากขึ้นเรื่อยๆปริมาณปัสสาวะที่อยู่ในกระเพาะปัสสาวะก็จะมีความจุได้ลดลง ทำให้กระเพาะปัสสาวะมีการบีบตัวจนเกิดภาวะการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ สำหรับผู้หญิงก็มักจะเกิดขึ้นหลังวัยหมดประจำเดือนที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงทำให้ท่อปัสสาวะเสื่อมสภาพลงไปด้วย
  • การตั้งครรภ์ - ปัสสาวะเล็ดจากการตั้งครรภ์ก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนกำหนดคลอดคุณแม่บางรายก็อาจเกิดภาวะปัสสาวะเล็กขนาดไอ จาม หรือหัวเราะ นอกจากนี้การคลอดธรรมชาติก็ทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอลงทำให้ควบคุมการทำงานบริเวณกระเพาะปัสสาวะมีประสิทธิภาพลดลงไปด้วย
  • การรับประทาน - อาหาร รวมไปถึงเครื่องดื่มบางชนิด เช่น น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ หรือสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลอาจทำให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้ นอกจากนี้การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคหัวใจ ความดันโลหิต หรือยาคลายกล้ามเนื้อก็มีส่วนด้วยเช่นเดียวกัน
  • การใช้แรงเยอะ – การออกแรงยกของหนัก หรือออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงเป็นประจำ มีโอกาสที่ทำให้เกิดภาวะปัสสาวะเล็ดได้ เนื่องจากเวลาที่เราออกแรงกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานจะเกิดการหย่อนคล้อยจากแรงดัน
  • การติดเชื้อ - การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะส่งผลให้เกิดอาการปวดปัสสาวะแบบเฉียบพลันจนทำให้เกิดการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ และยังมีการระคายเคืองร่วมด้วย
  • โรคประจำตัว - เช่น โรคเบาหวาน โรคทางระบบประสาท โรคต่อมลูกหมากโต หรือเนื้องอกในสมองที่ทำให้ร่างกายไม่ได้รับการควบคุมบริเวณกระเพาะปัสสาวะทำให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือปัสสาวะเล็ดราดได้

นอกจากที่กล่าวไปข้างต้นนี้บางรายก็ยังสามารถเกิดได้จากสาเหตุอื่นๆที่แพทย์จะทำการวินิจฉัยอย่างละเอียดแบบรายบุคคล ดังนั้นหากต้องการสาเหตุที่แน่ชัดควรเข้าไปปรึกษาแพทย์โดยตรง เพื่อให้แพทย์ได้ทำการตรวจแบบละเอียดถี่ถ้วนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับกระเพาะปัสสาวะมาจากสาเหตุอะไร เมื่อรู้สาเหตุแล้วเราก็จะได้ทำการฟื้นฟูแก้ไขได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้นค่ะ

รักษาโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ด้วยวิธีไหนได้บ้าง

วิธีการรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่มีหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่ในภาวะระดับความรุนแรงในขั้นไหน หากเป็นในระยะเริ่มต้นก็สามารถรักษาได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่สำหรับใครที่เป็นปัญหาในระดับขั้นรุนแรงแพทย์จะให้ใช้วิธีการผ่าตัดเข้ามาช่วยฟื้นฟูค่ะ

  • ฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน - วิธีนี้จะเหมาะสำหรับคนที่เป็นในระยะเริ่มต้น แพทย์จะแนะนำให้ฝึกบริหาร โดยการขมิบเป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยควบคุมการขับถ่ายของปัสสาวะ การขับลมรวมไปถึงการเคลื่อนไหวของลำไส้ เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและให้ความปลอดภัยที่สุด
  • การรับประทานยา - การรับประทานยากลุ่มที่ช่วยลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ หรือยาคลายกล้ามเนื้อคอกระเพาะปัสสาวะ แต่ไม่แนะนำให้หายามารับประทานเอง ควรให้แพทย์เป็นผู้จ่ายยาเพื่อความปลอดภัยและเพื่อการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องไม่เกิดผลข้างเคียงตามมา เนื่องจากยาบางชนิดอาจมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆได้
  • การผ่าตัด - วิธีนี้จะเป็นในกรณีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือเป็นมาอย่างยาวนานไม่สามารถหายขาดได้จากการบริหารกล้ามเนื้อหรือรับประทานยา ซึ่งการผ่าตัดนี้แพทย์จะใช้อุปกรณ์เฉพาะเพื่อยกท่อปัสสาวะส่วนต้นและกระเพาะปัสสาวะไม่ให้หย่อนคล้อยไปตามกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน นอกจากนี้ก็ยังมีวิธีการผ่าตัดด้วยเทคนิคอื่นๆตามวินิจฉัยของแพทย์ที่จะประเมินแบบรายบุคคล เช่น การผ่าตัดกระชับช่องคลอด การผ่าตัดเย็บกล้ามเนื้อบริเวณใกล้คอปัสสาวะติดกับกระดูกหัวหน่าว เป็นต้น

แนวทางการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะปัสสาวะเล็ด กลั้นไม่อยู่

  1. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ทำให้กระเพาะปัสสาวะเกิดการระคายเคือง หรือทำให้กระเพาะปัสสาวะทำงานเร็วเกินไป เช่นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือพวกน้ำอัดลม
  2. ฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเป็นประจำทุกวันจะช่วยกระชับช่องคลอดไม่ให้เกิดภาวะปัสสาวะเล็ด
  3. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่ได้มาตรฐาน
  4. เมื่อปวดปัสสาวะไม่ควรกลั้นเอาไว้นาน เพื่อไม่ให้ปัสสาวะล้นกระเพาะ
  5. รักษาอาการท้องผูก

สรุป

อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ไม่ใช่โรคที่ส่งผลกระทบอันร้ายแรงต่อชีวิต แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการที่เกิดขึ้นนี้มักสร้างความรำคาญใจให้กับผู้ได้รับผลกระทบไปไม่น้อย ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือเมื่อเรารับรู้ถึงปัญหาแล้วก็ควรเข้าไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้แพทย์ได้ทำการวินิจฉัยอาการที่เกิดขึ้น พร้อมกับหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเรา หากใครที่ยังเป็นในระยะเริ่มต้นก็สามารถนำเอาเทคนิคการขมิบไปลองปรับใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ค่ะ

แพทย์หญิง ธนวรรณ ศิริสุข

แพทย์หญิง ธนวรรณ ศิริสุข

พญ. ธนวรรณ ศิริสุข (คุณหมอหนึ่ง หรือ Dr.Nueng) สูตินรีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ความงาม ทางนรีเวช และสุขภาพทางเพศ หนึ่งในสูตินรีแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย คุณหมอหนึ่งได้เล็งเห็นถึงความสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพบริเวณจุดซ่อนเร้น ที่ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ จึงได้นำความรู้และประสบการณ์กว่า 10 ปี ที่สั่งสมมา เพื่อมาแก้ไขปัญหาสุขภาพทางเพศให้กับคนไข้ได้ อย่างตรงจุด ร่วมกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ช่วยให้คนไข้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ด้วยความตั้งใจอยากเห็นทุกคนมีสุขภาพทางเพศที่ดี

GENITIQUE CLINIC 
คลินิกดูแลจุดซ่อนเร้น

เราตระหนักดีว่าปัญหาสุขภาพทางเพศเป็นเรื่องสำคัญต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีโดยรวม หากปล่อยปละละเลยอาจนำไปสู่ผลกระทบทั้งทางร่างกาย สุขภาพจิต และความสัมพันธ์ ที่ Genitique Clinic จะทำให้คุณได้รับการดูแลด้วยมาตรฐานสูงสุดจากผู้เชี่ยวชาญด้านความงามเฉพาะทาง ที่ทุ่มเทเพื่อแก้ปัญหาความงามและสุขภาพทางเพศให้แก่ทุกคน เราผสมผสานความเป็นเลิศทางการแพทย์ เพื่อนำมาใช้ร่วมกับเทคโนโลยีขั้นสูง ออกมาเป็นโปรแกรมการรักษาที่หลากหลาย เพื่อปรับปรุงทั้งรูปลักษณ์ และการทำงานให้กับน้องสาวและน้องชายที่บกพร่อง ไม่ว่าคุณต้องเผชิญกับปัญหาจุดซ่อนเร้นเรื่องใด ขั้นตอนการรักษาที่ทันสมัยของเราจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ที่สำคัญตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเข้ามาในคลินิก คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัว ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจมากยิ่งขึ้นตลอดกระบวนการรักษาที่คลินิกของเราอย่างแน่นอน