ถ้าให้พูดถึงภัยเงียบเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพทางเพศของสาว ๆ ที่อาจคืบคลานเข้ามาโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยนั่นก็คือ “ช่องคลอดอักเสบ” ซึ่งเป็นภาวะที่สามารถเกิดได้กับผู้หญิงทุกคน ซึ่งเป็นปัญหาที่ค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนและมักมาพร้อมกับอาการไม่พึงประสงค์ที่ทำให้คุณผู้หญิงหลายคนสูญเสียความมั่นใจลง หรือทำให้บุคลิกภาพของสาว ๆ นั้นเปลี่ยนไปได้ เพราะอาการนี้มักจะมาพร้อมกับอาการคันและกลิ่นเหม็นคาว ฉะนั้นแล้วเราควรมาทำความรู้จักกับอาการช่องคลอดอักเสบ และร่วมกันไขสาเหตุว่ามันเกิดจากอะไร และมีพฤติกรรมเสี่ยงแบบใดบ้างที่เราควรหลีกเลี่ยงหากไม่อยากเผชิญหน้ากับมัน
ช่องคลอดอักเสบ อาการเป็นยังไง
ช่องคลอดอักเสบ (Vaginitis) เป็นภาวะการอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือความไม่สมดุลภายในร่างกายทำให้เกิดความผิดปกติภายในร่างกาย ซึ่งอาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีภาวะช่องคลอดอักเสบที่เราสามารถสังเกตได้ มีดังนี้
- มีตกขาวเยอะผิดปกติ
- ตกขาวมีสีปนเลือด สีเหลือง สีเขียว หรือมีสีที่ผิดปกติไป
- ตกขาวมีกลิ่นเหม็นคาว
- รู้สึกปวดแสบขณะมีเพศสัมพันธ์
- รู้สึกปัสสาวะแสบขัด
- มีอาการคัน หรือระคายเคืองบริเวณช่องคลอด
เราสามารถสังเกตอาการได้จากข้อมูลข้างต้น หากพบว่าตกขาวที่มีสีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ รู้สึกปวดแสบขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วย นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะช่องคลอดอักเสบ หรือโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศได้
อาการช่องคลอดอักเสบจากแบคทีเรีย ต่างจากเชื้อราในช่องคลอดอย่างไร
หลายคนเกิดข้อสงสัยว่าระหว่างอาการช่องคลอดอักเสบ และเชื้อราในช่องคลอดมีอาการที่แตกต่างกันอย่างไร ? ซึ่งความแตกต่างกันจะอยู่ตรงที่หากเป็นช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียจะมีตกขาวกลิ่นเหม็นคาว แต่ในขณะเดียวกันเชื้อราในช่องคลอดจะไม่มีกลิ่นคาว แต่จะมีอาการระคายเคืองมากกว่า อย่างไรก็ตามเราไม่ควรวินิจฉัยอาการเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง ควรมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาประเมินอย่างละเอียดเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะช่องคลอดอักเสบ
ช่องคลอดอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือความไม่สมดุลภายใน ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยเสี่ยงที่หลายคนอาจมองข้ามไป สำหรับสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหานี้ขึ้น ได้แก่
- การสวมใส่กางเกงรัดรูป ไม่มีที่ระบายอากาศจนเกิดความอับชื้น
- การสวนล้างช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดขาดความสมดุล
- มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
- ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ หรือรับประทานยาแก้อักเสบเป็นประจำ
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดภาวะช่องคลอดอักเสบได้
- การใช้ผ้าอนามัยในช่วงที่ไม่ได้มีประจำเดือนบ่อย ๆ
วิธีการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดช่องคลอดอักเสบ
ช่องคลอดอักเสบเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคนก็จริง แต่ถ้าหากเรามีการดูแลช่องคลอดอย่างถูกวิธีก็จะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหานี้ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเราสามารถปฏิบัติตนได้ตามคำแนะนำเหล่านี้
- รักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นด้วยน้ำสะอาด และใช้กระดาษซับให้แห้งหลังทำธุระเสร็จ
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมในบริเวณจุดซ่อนเร้น
- หลีกเลี่ยงการใช้แผ่นผ้าอนามัยโดยไม่จำเป็น เพื่อลดความอับชื้น
- สวมใส่กางเกงที่ไม่รัดรูปจนเกินไป เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดีบรรเทาความอับชื้นหรือกลิ่นอับ
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ มาตรฐาน
- สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ป้องกันการติดเชื้อที่มาจากการมีเพศสัมพันธ์
- ไม่แนะนำให้ใช้วิธีการสวนล้างช่องคลอด
วิธีการรักษาช่องคลอดอักเสบ ควรทำอย่างไร
นอกจากการดูแลตัวเองเบื้องต้นเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดอย่างถูกวิธีแล้ว แนะนำให้รีบเข้าไปพบแพทย์ทันทีเมื่อพบความผิดปกติเกิดขึ้นบริเวณช่องคลอด สำหรับภาวะช่องคลอดอักเสบแพทย์จะมีการวินิจฉัยก่อนว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากสาเหตุอะไร จากนั้นจะเริ่มวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยหลัก ๆ แพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเม็ด ทา หรือแบบสอด ซึ่งในตัวยาแต่ละตัวก็อาจจะมาพรอมกับผลข้างเคียงอื่น ๆ เช่น อาการคลื่นไส้ ปวดท้อง อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานยาที่แพทย์จ่ายไปให้ครบตามจำนวน เพราะหากใช้ยาไม่ครบอาการเหล่านี้อาจกลับมาเป็นอีกได้ภายใน 3-12 เดือน ซึ่งหากใครที่ทานยาไปแล้วมันกลับมาเป็นซ้ำก็สามารถเข้าพบแพทย์เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป เพราะอาการเหล่านี้มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นอีกได้ค่ะ
สรุป
ตกขาวเป็นเรื่องที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่มันก็เป็นอาการที่ช่วยบ่งบอกสุขภาพภายในของคุณผู้หญิงได้เช่นเดียวกัน ควรรีบเช็กสังเกตตัวเองว่าตกขาวที่มาในแต่ละครั้งมีลักษณะเป็นอย่างไร มีสี กลิ่นที่ผิดปกติไหม หากพบความผิดปกติควรเข้าพบสูตินรีแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที สำหรับสาว ๆ คนไหนที่มีปัญหาเกี่ยวกับจุดซ่อนเร้นที่ GENITIQUE CLINIC พร้อมให้คำปรึกษาและให้การรักษาภายใต้สูตินรีแพทย์หญิงผู้มีความรู้และประสบการณ์ด้านการฟื้นฟูจุดซ่อนเร้น สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้
แพทย์หญิง ธนวรรณ ศิริสุข
พญ. ธนวรรณ ศิริสุข (คุณหมอหนึ่ง หรือ Dr.Nueng) สูตินรีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ความงาม ทางนรีเวช และสุขภาพทางเพศ หนึ่งในสูตินรีแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย คุณหมอหนึ่งได้เล็งเห็นถึงความสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพบริเวณจุดซ่อนเร้น ที่ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ จึงได้นำความรู้และประสบการณ์กว่า 10 ปี ที่สั่งสมมา เพื่อมาแก้ไขปัญหาสุขภาพทางเพศให้กับคนไข้ได้ อย่างตรงจุด ร่วมกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ช่วยให้คนไข้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ด้วยความตั้งใจอยากเห็นทุกคนมีสุขภาพทางเพศที่ดี
GENITIQUE CLINIC
คลินิกดูแลจุดซ่อนเร้น
เราตระหนักดีว่าปัญหาสุขภาพทางเพศเป็นเรื่องสำคัญต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีโดยรวม หากปล่อยปละละเลยอาจนำไปสู่ผลกระทบทั้งทางร่างกาย สุขภาพจิต และความสัมพันธ์ ที่ Genitique Clinic จะทำให้คุณได้รับการดูแลด้วยมาตรฐานสูงสุดจากผู้เชี่ยวชาญด้านความงามเฉพาะทาง ที่ทุ่มเทเพื่อแก้ปัญหาความงามและสุขภาพทางเพศให้แก่ทุกคน เราผสมผสานความเป็นเลิศทางการแพทย์ เพื่อนำมาใช้ร่วมกับเทคโนโลยีขั้นสูง ออกมาเป็นโปรแกรมการรักษาที่หลากหลาย เพื่อปรับปรุงทั้งรูปลักษณ์ และการทำงานให้กับน้องสาวและน้องชายที่บกพร่อง ไม่ว่าคุณต้องเผชิญกับปัญหาจุดซ่อนเร้นเรื่องใด ขั้นตอนการรักษาที่ทันสมัยของเราจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ที่สำคัญตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเข้ามาในคลินิก คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัว ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจมากยิ่งขึ้นตลอดกระบวนการรักษาที่คลินิกของเราอย่างแน่นอน