มะเร็งปากมดลูก ภัยร้ายที่น่ากลัวและเป็นชนิดมะเร็งที่พบได้มากจนติดท็อป 3 ของประเทศไทย ซึ่งในทุก ๆ ปีจะมีการรณรงค์ให้ตระหนักถึงอันตรายของโรคนี้ โดยแนะนำให้ตรวจคัดกรองเป็นประจำ 1 ครั้งต่อปี หรือตามคำแนะนำของแพทย์ นอกจากนี้ การได้รับวัคซีนมะเร็งปากมดลูกหรือวัคซีนเอชพีวีถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งในปัจจุบัน มีวัคซีนชนิดนี้ให้บริการตามโรงพยาบาลและสถานพยาบาลทั่วไป และมีวัคซีนให้เลือกทั้ง 3 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นชนิด 2 สายพันธุ์, 4 สายพันธุ์ และ 9 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นชนิดที่ได้รับการพัฒนาล่าสุด โดยในบทความนี้ Genitique Clinic จะขอพาทุกท่านมาเรียนรู้ รวมถึงทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของวัคซีนชนิดนี้ ใครบ้างที่ควรฉีด และรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อเป็นขอ้มูลสำคัญในการตัดสินใจของตัวคุณเองและคนที่คุณรักค่ะ
มะเร็งปากมดลูกเกิดจากอะไร
มะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกมากกว่า 40 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงมากที่สุด ได้แก่ สายพันธุ์ 16 และสายพันธุ์ 18 ซึ่งบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก คือ คนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย, การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย, มีบุตรจำนวนมาก, การตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุยังน้อย รวมถึงการสูบบุหรี่ สำหรับโรคนี้สามารถติดต่อได้ทางการมีเพศสัมพันธ์และการสัมผัสที่นำเชื้อโรคไปสู่บริเวณช่องคลอด โดยหลังจากการติดเชื้อแล้วจะไม่แสดงอาการใด ไม่มีความเจ็บหรือปวด ไม่มีการเกิดบาดแผล ทำให้คนไข้กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ก็กินเวลาไปหลายปีเลยค่ะ
อาการที่เป็นสัญญาณเตือนมะเร็งปากมดลูก
- ประจำเดือนมามากและนานกว่าปกติทั่วไป
- รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์และหลังมีเพศสัมพันธ์มีเลือดออกทางช่องคลอด
- มีเลือดออกจากช่องคลอดโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ
- มีภาวะตกขาวมามากผิดปกติ มีตกขาวออกมาปนกับเลือด
- ปัสสาวะและอุจจาระมีเลือดปนออกมา
- ในระยะที่เริ่มมีการลุกลาม คนไข้อาจมีอาการปวดหน่วงที่ท้องน้อย ปัสสาวะขัด อุจจาระลำบาก ไม่ค่อยออก ร่วมกับมีอาการขาบวม เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง
ทำไมถึงควรฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก
การได้รับวัคซีนมะเร็งปากมดลูกหรือวัคซีนเอชพีวีตั้งแต่อายุยังน้อยหรือตั้งแต่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์ และได้รับวัคซีนครบตามจำนวนเข็มที่กำหนด เป็นการช่วยเพิ่มอัตราของภูมิคุ้มกันได้ดีมาก นอกจากนี้ วัคซีนชนิดนี้ยังสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีที่เป็นตัวการของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก รวมถึงโรคต่าง ๆ ที่มาจากเชื้อไวรัสเอชพีวี ได้แก่ มะเร็งปากช่องคลอด, มะเร็งช่องคลอด, หูดหงอนไก่, มะเร็งทวารหนัก, มะเร็งองคชาตหรือมะเร็งอวัยวะเพศชาย รวมถึงมะเร็งช่องปากและคอหอย ซึ่งสามารถฉีดได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ถือว่าเป็นการป้องกันที่ครอบคลุมได้ทุกกรณีของการได้รับเชื้อ เพราะในบางกรณีถึงแม้ว่าจะมีเพศสัมพันธ์โดยการใส่ถุงยางอนามัยแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อจากบริเวณอื่น ๆ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก, ในช่องปาก (การทำออรัลเซ็กส์) และวิธีอื่น ๆ ที่สามารถนำเชื้อแพร่ไปสู่อวัยวะเพศได้ รวมถึงในคนที่ติดเชื้อไวรัสเอชพีวีแล้วมักจะไม่มีอาการแสดงให้เห็น ทำให้ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อได้แบบที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวมาก่อน อีกทั้งก่อนจะมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักครั้งแรก เราเองก็ไม่แน่ใจเลยว่าคู่รักหรือคู่นอนของเราติดเชื้อไวรัสเอชพีวีอยู่หรือไม่ ดังนั้น การได้รับวัคซีนมะเร็งปากมดลูกนับว่าเป็นแนวทางในการช่วยป้องกันความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้เป็นอย่างดีค่ะ
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก เหมาะกับใคร
- ผู้หญิงและผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 9 – 45 ปี
- แนะนำให้ฉีดตั้งแต่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยเจริญพันธุ์ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของวัคซีน
- ผู้หญิงที่เคยตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกพบว่ามีความผิดปกติ หรือเคยเป็นหูดหงอนไก่ หรือมีภาวะของรอยโรคก่อนมะเร็งที่ปากมดลูก
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์แล้วสามารถฉีดได้
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV, ผู้ที่ใช้ยากดภูมิ เป็นต้น
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก ต้องฉีดกี่เข็ม
ในการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกจะต้องฉีดทั้งหมด 2 – 3 เข็ม ซึ่งจะแบ่งตามช่วงวัยดังนี้ค่ะ
- เด็กและวัยรุ่นอายุ 9 – 14 ปี ต้องฉีด 2 เข็ม โดยเว้นระยะห่างจากเข็มแรก 6 เดือน
- อายุ 15 ปีขึ้นไป ต้องฉีด 3 เข็ม โดยเว้นระยะห่างแบบเข็มแรกที่ 0, 2 และ 6 เดือน
สำหรับผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องแนะนำให้ฉีดวัคซีนทั้งหมด 3 เข็ม โดยเว้นระยะห่างที่ 0, 2 และ 6 เดือนเช่นเดียวกัน โดยหลังจากฉีดวัคซีนครบตามจำนวนเข็มที่แนะนำแล้ว แนะนำว่าต่อจากนี้ยังคงต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปีเช่นเดิม รวมไปถึงการดูแลตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการได้รับเชื้อไวรัสเอชพีวีด้วยค่ะ
หลังฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก อยู่ได้นานแค่ไหน
หลายท่านอาจสงสัยว่า หลังจากฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกไปแล้วจะสามารถให้ผลลัพธ์หรืออยู่ได้นานไหม ถ้าได้รับวัคซีนครบโดสแล้วต้องกลับมาฉีดกระตุ้นอีกหรือไม่ โดยจากการศึกษาวิจัยพบว่า หลังฉีดวัคซีนแล้วจะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันเกิดการจดจำและมีการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสเอชพีวี และภูมิคุ้มกันนี้เองจะสามารถอยู่ได้นานกว่าสิบปี ซึ่งหลังจากนี้ก็ยังคงประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้สูงสุดถึง 90% แต่ทั้งนี้ แนะนำให้เริ่มฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุยังน้อยหรือตั้งแต่ 9 ปี หรือก่อนการมีเพศสัมพันธ์ก็จะยิ่งดี เพราะการฉีดวัคซีนในเด็กจะส่งผลดีต่อการตอบสนองของการสร้างภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าในผู้ใหญ่นั่นเอง
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก อันตรายต่อเด็กหรือไม่
สำหรับผู้ปกครองหลายท่านที่อาจมีความกังวลว่าวัคซีนจะเป็นอันตรายต่อเด็ก ๆ หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้สบายใจได้เลยค่ะ เพราะวัคซีนถูกผลิตขึ้นด้วยการสังเคราะห์ที่เลียนแบบเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่งไม่ได้มีการนำเชื้อไวรัสหรือส่วนประกอบใด ๆ ของสายพันธุกรรมไวรัสมาผลิตวัคซีน จึงมีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อยมากและไม่รุนแรง คือ อาการปวด บวม ผิวแดง ซึ่งจะหายได้เองใน 2 – 3 วัน หรืออาจมีอาการนอกเหนือจากนี้ คือ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ เป็นอาการปกติที่อาจพบได้ ไม่รุนแรง และหายได้เอง นอกจากนี้ วัคซีนมะเร็งปากมดลูกยังเป็นชนิดวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขของไทยแนะนำให้ฉีดในเด็กที่มีอายุ 11 – 12 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มวัยที่เป้าหมายหลักอีกด้วยค่ะ
สรุป
ตกขาวเป็นเรื่องที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่มันก็เป็นอาการที่ช่วยบ่งบอกสุขภาพภายในของคุณผู้หญิงได้เช่นเดียวกัน ควรรีบเช็กสังเกตตัวเองว่าตกขาวที่มาในแต่ละครั้งมีลักษณะเป็นอย่างไร มีสี กลิ่นที่ผิดปกติไหม หากพบความผิดปกติควรเข้าพบสูตินรีแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที สำหรับสาว ๆ คนไหนที่มีปัญหาเกี่ยวกับจุดซ่อนเร้นที่ GENITIQUE CLINIC พร้อมให้คำปรึกษาและให้การรักษาภายใต้สูตินรีแพทย์หญิงผู้มีความรู้และประสบการณ์ด้านการฟื้นฟูจุดซ่อนเร้น สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้
แพทย์หญิง ธนวรรณ ศิริสุข
พญ. ธนวรรณ ศิริสุข (คุณหมอหนึ่ง หรือ Dr.Nueng) สูตินรีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ความงาม ทางนรีเวช และสุขภาพทางเพศ หนึ่งในสูตินรีแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย คุณหมอหนึ่งได้เล็งเห็นถึงความสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพบริเวณจุดซ่อนเร้น ที่ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ จึงได้นำความรู้และประสบการณ์กว่า 10 ปี ที่สั่งสมมา เพื่อมาแก้ไขปัญหาสุขภาพทางเพศให้กับคนไข้ได้ อย่างตรงจุด ร่วมกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ช่วยให้คนไข้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ด้วยความตั้งใจอยากเห็นทุกคนมีสุขภาพทางเพศที่ดี
GENITIQUE CLINIC
คลินิกดูแลจุดซ่อนเร้น
เราตระหนักดีว่าปัญหาสุขภาพทางเพศเป็นเรื่องสำคัญต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีโดยรวม หากปล่อยปละละเลยอาจนำไปสู่ผลกระทบทั้งทางร่างกาย สุขภาพจิต และความสัมพันธ์ ที่ Genitique Clinic จะทำให้คุณได้รับการดูแลด้วยมาตรฐานสูงสุดจากผู้เชี่ยวชาญด้านความงามเฉพาะทาง ที่ทุ่มเทเพื่อแก้ปัญหาความงามและสุขภาพทางเพศให้แก่ทุกคน เราผสมผสานความเป็นเลิศทางการแพทย์ เพื่อนำมาใช้ร่วมกับเทคโนโลยีขั้นสูง ออกมาเป็นโปรแกรมการรักษาที่หลากหลาย เพื่อปรับปรุงทั้งรูปลักษณ์ และการทำงานให้กับน้องสาวและน้องชายที่บกพร่อง ไม่ว่าคุณต้องเผชิญกับปัญหาจุดซ่อนเร้นเรื่องใด ขั้นตอนการรักษาที่ทันสมัยของเราจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ที่สำคัญตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเข้ามาในคลินิก คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัว ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจมากยิ่งขึ้นตลอดกระบวนการรักษาที่คลินิกของเราอย่างแน่นอน