ภาวะการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เป็นอีกหนึ่งโรคที่พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยทำงาน โดยอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงขึ้นได้หากละเลยหรือไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ซึ่งหากเป็นแล้วจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนขั้นรุนแรง หรือการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ จะดีกว่าไหม!? ถ้าเรารู้ทันและเฝ้าระวังโรคนี้กันตั้งแต่เนิ่น ๆ หรือบางท่านอาจเคยเป็นมาแล้ว ก็สามารถดูแลตัวเองไม่ให้กลับมาเป็นอีกได้ ซึ่งในบทความของ Genitique Clinic วันนี้จะขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับภาวะกันให้มากขึ้น ทั้งสาเหตุ, อาการ, ภาวะแทรกซ้อน, การรักษา และการป้องกันการเกิดโรคค่ะ
ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ คืออะไร เกิดจากอะไร
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ Urinary Tract Infection (UTI) คือ ภาวะที่เกิดจากอวัยวะภายในระบบทางเดินปัสสาวะเกิดอาการอักเสบติดเชื้อ ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เป็นเชื้อที่มีอยู่ในลำไส้ใหญ่ของคนเราตามธรรมชาติ โดยเชื้อดังกล่าวอาจเคลื่อนตัวจากทวารหนักผ่านทางอวัยวะต่าง ๆ ของระบบทางเดินปัสสาวะ ได้แก่ ท่อปัสสาวะ (ท่อปัสสาวะอักเสบ) กระเพาะปัสสาวะ (กระเพาะปัสสาวะอักเสบ) และกรวยไต (กรวยไตอักเสบ) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะในผู้หญิงที่พบได้บ่อยเนื่องจากมีสรีระที่แตกต่าง ซึ่งมีท่อปัสสาวะที่ต่อตรงมาจากกระเพาะปัสสาวะมายังอวัยวะเพศเลย ส่งผลให้มีท่อปัสสาวะที่สั้นกว่าของผู้ชาย และมีสาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดการติดเชื้อที่แตกต่างกันในผู้หญิงและผู้ชาย ดังนี้ค่ะ
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในผู้หญิง
ส่วนใหญ่แล้วการติดเชื้อมักมาจากการดูแลสุขอนามัยบริเวณจุดซ่อนเร้น ซึ่งเกิดจากการทำความสะอาดหลังปัสสาวะและอุจจาระได้ไม่ดีพอ บางรายเช็ดจากด้านหลังมาด้านหน้า ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงเกินไป หรืออยู่ในช่วงที่ประจำเดือน หรืออยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นในช่วงระยะเวลาที่ทำให้ปากมดลูกเปิด ส่งผลให้มีโอกาสเสี่ยงที่เชื้อแบคทีเรียเข้าไปที่ท่อปัสสาวะและอวัยวะต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในผู้ชาย
ในผู้ชายจะมีโอกาสติดเชื้อทางเดินปัสสาวะจากการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ หรือในกรณีที่ใช้ถุงยางอนามัย ใช้เจลหล่อลื่นที่อาจมีการปนเปื้อนสิ่งสกปรก ไม่สะอาด นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากการเป็นโรคต่อมลูกหมากโต หรือต่อมลูกหมากมีการอักเสบติดเชื้อ
นอกจากนี้ การติดเชื้อยังอาจเกิดขึ้นได้กับคนที่ชอบอั้นปัสสาวะบ่อย ๆ , มีเพศสัมพันธ์บ่อย, ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, มีนิ่วหรือเนื้องอกอุดตัน, ผู้ที่ต้องทำการใส่สายสวนปัสสาวะ, มีภาวะโรคที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยที่เกิดได้กับผู้หญิงและผู้ชาย
เช็กอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- รู้สึกแสบขัด ปวด ในขณะปัสสาวะ
- ปัสสาวะกะปริบกะปริบ ปัสสาวะทีละนิดหน่อย
- ปวดปัสสาวะบ่อย รู้สึกปวดมากแบบกระทันหัน
- ปัสสาวะมีสีขุ่น มีกลิ่นเหม็น
- ปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน เหมือนมีแรงกดทับ
- ปวดท้องบริเวณสีข้าง ปัสสาวะมีเลือดปน เบื่ออาหาร มีอาการคลื่นไส้ (รายที่มีอาการเริ่มรุนแรงขึ้น)
- มีไข้สูง มีอาการหนาวสั่น อาจมีความดันโลหิตต่ำ (รายที่มีอาการรุนแรงมาก)
ภาวะแทรกซ้อนขั้นรุนแรง
ในกรณีที่เกิดภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะโดยที่ไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและทำให้อาการของโรคมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ดังนี้
- การติดเชื้อซ้ำ ๆ เป็น ๆ หาย ๆ หลายครั้ง ซึ่งพบมากในผู้หญิง โดยการติดเชื้อมักพบตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป และใน 1 ปี อาจพบว่าบางรายอาจติดเชื้อ 3 ครั้งขึ้นไป
- อาจทำให้เกิดภาวะกรวยไตอักเสบชนิดเรื้องรัง
- หากติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในขณะตั้งครรภ์ อาจทำให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด ทารกมีน้ำหนักตัวน้อย
- ในรายที่เกิดการติดเชื้อขั้นรุนแรงอาจมีการลุกลามเข้าไปยังกระแสเลือด จนทำให้เกิดอาการช็อก และมีโอกาสเสี่ยงเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
การรักษาภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
หลังจากการวินิจฉัยของแพทย์ หากพบว่าคนไข้มีภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่ไม่รุนแรงมากหรือมีอาการเล็กน้อย จะมีแนวทางการรักษาโดยการใช้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จากนั้นมีการเฝ้าติดตามอาการและหากไม่มีอาการแทรกซ้อน อาการดีขึ้นแล้วก็สามารถกลับบ้าน ซึ่งต้องมีการรรับประทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดประมาณ 3 – 5 วัน แต่ในรายที่มีการติดเชื้อแบบรุนแรง หรือมีการติดเชื้อที่กรวยไต ผู้ป่วยเบาหวาน อาจจะต้องมีการรับประทานยารักษา 7 – 14 วัน โดยจะต้องรับประทานยาจนครบ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำหรือเกิดภาวะดื้อยา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้การรักษาทำได้ยากขึ้น
วิธีป้องกันภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
การดูแลตัวเองนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ โดยใช้ได้ทั้งผู้ที่เคยเป็นมาแล้ว รักษาหายแล้ว ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ รวมถึงในรายที่ยังไม่เคยเป็นมาก่อนจะช่วยให้เรารู้ทันและป้องกันไม่ให้เป็นค่ะ
- รักษาสุขอนามัย โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีความเสี่ยงติดเชื้อได้มากกว่าจากการที่มีท่อปัสสาวะที่สั้นกว่าผู้ชาย ซึ่งหลังการเข้าห้องน้ำแล้วควรล้างและเช็ดทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลัง รวมถึงในระหว่างการมีประจำเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดน้องสาว เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียชนิดดีถูกทำลาย
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อให้ในแต่ละวันมีการขับปัสสาวะและเชื้อแบคทีเรียออกมาอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ การเลือกดื่มน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงด้วยในบางโอกาส จะช่วยให้ปัสสาวะมีฤทธิ์เป็นกรดและยับยั้งแบคทีเรียได้
- ไม่กลั้นปัสสาวะ เพราะอาจทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- ดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์ ทั้งในเรื่องของความสะอาด และการปัสสาวะทิ้งก่อน - หลังการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะช่วยกำจัดพวกของเสียและแบคทีเรียออก
- รักษาโรคประจำตัว เช่น ผู้ป่วยเบาหวานที่จะต้องควบคุมระดับน้ำตาล หรือผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโต เป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะ หรือเนื้องอกในทางเดินปัสสาวะ ควรเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม
สรุป
ตกขาวเป็นเรื่องที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่มันก็เป็นอาการที่ช่วยบ่งบอกสุขภาพภายในของคุณผู้หญิงได้เช่นเดียวกัน ควรรีบเช็กสังเกตตัวเองว่าตกขาวที่มาในแต่ละครั้งมีลักษณะเป็นอย่างไร มีสี กลิ่นที่ผิดปกติไหม หากพบความผิดปกติควรเข้าพบสูตินรีแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที สำหรับสาว ๆ คนไหนที่มีปัญหาเกี่ยวกับจุดซ่อนเร้นที่ GENITIQUE CLINIC พร้อมให้คำปรึกษาและให้การรักษาภายใต้สูตินรีแพทย์หญิงผู้มีความรู้และประสบการณ์ด้านการฟื้นฟูจุดซ่อนเร้น สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้
แพทย์หญิง ธนวรรณ ศิริสุข
พญ. ธนวรรณ ศิริสุข (คุณหมอหนึ่ง หรือ Dr.Nueng) สูตินรีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ความงาม ทางนรีเวช และสุขภาพทางเพศ หนึ่งในสูตินรีแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย คุณหมอหนึ่งได้เล็งเห็นถึงความสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพบริเวณจุดซ่อนเร้น ที่ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ จึงได้นำความรู้และประสบการณ์กว่า 10 ปี ที่สั่งสมมา เพื่อมาแก้ไขปัญหาสุขภาพทางเพศให้กับคนไข้ได้ อย่างตรงจุด ร่วมกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ช่วยให้คนไข้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ด้วยความตั้งใจอยากเห็นทุกคนมีสุขภาพทางเพศที่ดี
GENITIQUE CLINIC
คลินิกดูแลจุดซ่อนเร้น
เราตระหนักดีว่าปัญหาสุขภาพทางเพศเป็นเรื่องสำคัญต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีโดยรวม หากปล่อยปละละเลยอาจนำไปสู่ผลกระทบทั้งทางร่างกาย สุขภาพจิต และความสัมพันธ์ ที่ Genitique Clinic จะทำให้คุณได้รับการดูแลด้วยมาตรฐานสูงสุดจากผู้เชี่ยวชาญด้านความงามเฉพาะทาง ที่ทุ่มเทเพื่อแก้ปัญหาความงามและสุขภาพทางเพศให้แก่ทุกคน เราผสมผสานความเป็นเลิศทางการแพทย์ เพื่อนำมาใช้ร่วมกับเทคโนโลยีขั้นสูง ออกมาเป็นโปรแกรมการรักษาที่หลากหลาย เพื่อปรับปรุงทั้งรูปลักษณ์ และการทำงานให้กับน้องสาวและน้องชายที่บกพร่อง ไม่ว่าคุณต้องเผชิญกับปัญหาจุดซ่อนเร้นเรื่องใด ขั้นตอนการรักษาที่ทันสมัยของเราจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ที่สำคัญตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเข้ามาในคลินิก คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัว ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจมากยิ่งขึ้นตลอดกระบวนการรักษาที่คลินิกของเราอย่างแน่นอน